edwinperera.com
8 กรัม โปรตีน 2. 1 กรัม ไขมัน 0. 1 กรัม กากใยอาหาร 1 กรัม วิตามินเอ 103 หน่วยสากล วิตามินบี1 0. 15 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0. 17 มิลลิกรัม วิตามินบี3 1. 0 มิลลิกรัม วิตามินซี 2 มิลลิกรัม ธาตุแคลเซียม 84 มิลลิกรัม และ ธาตุฟอสฟอรัส 54 มิลลิกรัม คุณค่าทางโภชนาการของก้านใบบอน ขนาด 100 กรัม ให้พลังงานมากถึง 24 แคลอรี มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 5. 8 กรัม โปรตีน 0. 5 กรัม ไขมัน 0. 9 กรัม กากใยอาหาร 0. 9 กรัม วิตามินเอ 300 หน่วยสากล วิตามินบี1 0. 02 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0. 04 มิลลิกรัม วิตามินบี3 13 มิลลิกรัม วิตามินซี 1 มิลลิกรัม ธาตุแคลเซียม 49 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.
หากมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม ใบอ่อนที่อ่อนกว่าเป็นโรคได้ง่ายกว่าใบแก่ เส้นใยเจริญระหว่างเซลในใบและสามารถสร้าง uredia ขึ้นใหม่ที่ด้านใต้ใบนั้นภายใน 10-25 วันหลังการติดเชื้อ ทั้งนี้แล้วแต่สภาพของอากาศ ส่วน basidiospore ที่เกิดจากการสร้างของ teliospore นั้นไม่สามารถงอกเข้าทำลายพืช และพืชอาศัยร่วมในวงจรของโรคนอกเหนือจากพืชหลักคือกาแฟนั้นยังไม่พบ ภาพวงจรโรคราสนิมของกาแฟ เกิดจากเชื้อรา Hemileia vastatrix. (ที่มา:Arios, 1978) การควบคุมโรค 1. การปลูกกาแฟในที่ร่ม ป้องกันการเกิดโรคจากการแพร่กระจายของสปอร์ได้ดี 2. ป้องกันการเกิดโรคโดยฉีดพ่นด้วย copper oxychlorides(CUPRAVIT) หรือยาบอร์โดเข้มข้น 0. 1% ผสมด้วยสารจับใบ (sticker ที่เป็น white oil) ในอัตราเดียวกัน ก่อนเข้าฤดูฝน และฉีดครั้งต่อไปทุก 4-6 สัปดาห์ ประมาณ 3-5 ครั้งต่อปี จะป้องกันโรคได้ดี 3. กาแฟที่เป็นโรคอยู่ก่อน หากใช้ 2-methyl-5, 6-dihydro-4- hpyran-3- carboxylic acid anilide (PARACARBOLID หรือ SICAROL) ในอัตราประมาณ 0. 05% แผลจะไม่ขยาย และไม่มีการ สร้างสปอร์ ยานี้มีประสิทธิภาพดีแต่ราคาค่อนข้างแพง หากฉีดพ่นถึง 5 ครั้งอาจไม่คุ้มทุนได้ ฉะนั้นการกำหนดเวลาฉีดพ่นที่เหมาะสม จะช่วยลดจำนวนการฉีดลงเหลือเพียง 2-3 ครั้งต่อปีได้ ที่มา:ไพโรจน์ จ๋วงพานิช ความรู้ด้านการเกษตร ที่น่าสนใจ
6 กิโลกรัม/ไร่/ปี (100 เมล็ด หนักประมาณ 1. 3 กรัม) เมล็ดไมยราบยักษ์ ที่ได้รับแสงความเข้มข้น 1200 ลักซ์ ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถงอกด้วยอัตราเฉลี่ยร้อยละ 66. 75 ในขณะเมล็ดที่อยู่ในที่มืดจะมีอัตราการงอกร้อยละ 40. 40 จำรัส (2520) (1) ได้ศึกษาปัจจัยบางอย่างที่ช่วยทำลายการฟักตัวของเมล็ดไมยราบยักษ์ พบว่า การเก็บเมล็ดไว้ในทรายชื้น -10 องศาเซลเซียส นาน 8 สัปดาห์ ทำให้อัตราการงอกเมล็ดลดลงเหลือร้อยละ 16.
ยาว 7-15 ซม. ก้านใบเป็นกาบยาว 1-3 ซม. ดอกออกรวมกันเป็นช่อ ยาว 2-4 ซม. มี 4-12 ดอก ออกตรงกลางระหว่างใบ ดอกมีสีขาว หรือสีขาวอมชมพูแต้มสีม่วง แต่ละดอกมี กลีบประดับ 2 กลีบรองรับอยู่ ซึ่งใบและต้นจะเริ่มแห้งเมื่อมีดอก ผลเป็นผลแห้ง แตกได้ พบมากทางเหนือ ใบอ่อนม้วนเป็นกระบอกออกมาแล้วแผ่ราบบนหน้าดิน ต้นหนึ่งๆ มักมี 1 – 2 ใบ ใบมีรูปร่างทรงกลมโตยาว ประมาณ 5 – 10 ซม.