edwinperera.com
เลือกสีหลัก แล้วหาสีเข้าคู่ เริ่มจากพิจารณาก่อนว่างานออกแบบของเรานั้นเป็นงานอะไร เพราะในแต่ละงานนั้นมีการเลือกใช้สีและให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน เช่น อยากให้อารมณ์งานออกมาอ่อนนุ่มหรือรุนแรง แล้วลองใส่รายละเอียดเอาไปอีกนิดเช่น ฉันต้องการความโรแมนติกสีม่วง หรือ ฉันต้องการสีชมพูน่ารัก terest แหล่งรวบรวมผลงานและไอเดียที่หลากหลาย สามารถค้นหาได้ตามที่ต้องการ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่ง Inspiration ชั้นดี สำหรับนักออกแบบทั้งหลายอีกด้วย ที่มา, ภาพ: grappik ภาพ: presentitude
ออกแบบโดยมีพื้นที่ว่าง เทคนิคการออกแบบโดยมีพื้นที่ว่าง ใช้สัดส่วน 60% เป็นสีที่โดดเด่น, 30% เป็นสีรอง, 10% เป็นสีที่ถูกเน้น ตัวอย่าง สีโดดเด่น: สีดำ, สีรอง: สีเขียว, สีเน้น: สีแดง 4. บันทึกสีที่ชอบ เพราะเราอยู่กับงานออกแบบเป็นประจำ การหา Inspiration จากที่ต่างๆ เราอาจเจอสีที่น่ารักหรือชอบ เพื่อนำมาเป็นไอเดียในการออกแบบงานภายหลัง และจะเป็นการทำงานที่ง่ายขึ้นหากเรามีสีที่ชอบเป็น Colour guide 5. หา Pantone ไว้ใช้งานสักชุด สังเกตหรือไม่ว่า ทำไม Designer บางคนถึงมี Pantone ติดตัว เพราะในบางครั้งการมองสีจากหน้าจออาจไม่ชัดเจนเท่ามองจาก Pantone นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานพิมพ์ที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง ซึ่ง Pantone จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ได้ค่าสีที่แม่นยำ 6. หาสีธรรมชาติจากรอบตัวของเรา เพราะบางครั้งแรงบันดาลใจก็มาจากะรรมชาติรอบตัวเรา การผสมสีที่ไม่มีวันสิ้นสุด และสีในธรรมชาติที่มีหลากหลายมากมาย สถานที่แตกต่างนำพาความรู้สึกและให้สีที่แตกต่างกันได้ 7. เลือกใช้สีแค่ 2-3 สี การใช้สีที่เยอะเกินไปอาจทำให้งานของเราดูแย่ลง วิธีส่วนใหญ่ที่คนใช้กันคือ การเลือกสี 2-3 สีในการออกแบบนั้นๆ ซึ่งสามารถใช้ Color Wheel เพื่อเลือกสี ซึ่งจะทำให้งานนั้นดูดีและมิติไม่เรียบจนเกินไป 8.
หาความลงตัว SalomeNJ สิ่งสุดท้ายที่เราแนะนำสำหรับนักออกแบบคือการหาสีที่ลงตัวสำหรับงาน โทนสีที่ใช้ควรจะเป็นโทนเดียวกัน ถ้าคุณออกแบบงานที่มีโทนเข้มก็ลองปรับค่าสีให้ดูมีความเข้มให้ลงตัวกัน เพียงเท่านี้งานออกแบบของคุณจะออกมาลงตัว ไม่มีจุดไหนที่โดดเด่นหรือแปลกแยกมากจนเกินไป ในการหาโทนสีที่ลงตัวคุณก็ไม่จำเป็นจะต้องคิดเองทั้งหมด ลองหาตัวอย่างสีใน Pinterest เพื่อดูงานต่างๆ โดยเฉพาะ Palettes ที่มีนักออกแบบทำออกมาให้เราศึกษามากมาย
สรุปโดยเดลูต้า 1. รู้วิธีการเลือกใช้สีให้เหมาะกับห้อง โดยการนำสีทาบ้านมาเทียบกับจุดต่าง ๆ ในบ้าน ดูว่าสีที่เราเลือกกับองค์ประกอบอื่นๆ มีความสวยที่ลงตัว น่าอยู่หรือไม่ 2. รู้ระดับแสงสว่างภายในบ้าน หากแสงมีน้อย แนะนำให้ใช้สีโทนสว่าง เพราะหากใช้สีโทนเข้ม ก็ยิ่งจะทำให้ภายในบ้านดูมืด ทึบ 3. รู้จักเลือกสีที่มีมาตรฐานและคุณสมบัติพิเศษ เช่น ช่วยให้สีติดทนนาน ทนแดด ทนฝน สะท้อนความร้อน ป้องกันคราบเลอะ เช็ดล้างง่าย เป็นต้น 4. รู้จักการเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะร้านจะมีความชำนาญ ความเข้าใจในการให้คำปรึกษาอย่างถูกต้อง และมีศูนย์ผสมสีให้เราได้เลือกเฉดสีได้ตามต้องการ 5.
หลักการใช้สี การใช้สีกับงานออกมานั้น อยู่ที่นักออกแบบมีจุดมุ่งหมายใด ที่จะสร้างความสนใจ ความเร้าใจต่อผู้ดู เพื่อให้เข้าถึงจุดหมายที่ตนต้องการ หลักของการใช้มีดังนี้ 1. การใช้สีวรรณะเดียว ความหมายของสีวรรณะเดียว ( tone) คือกลุ่มสีที่แบ่งออกเป็นวงล้อของสีเป็น 2 วรรณะ คือ วรรณะร้อน ( warm tone) ซึ่งประกอบด้วย สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีม่วง สีเหล่านี้ให้อิทธิพล ต่อความรู้สึก ตื่นเต้น เร้าใจ กระฉับกระเฉง ถือว่าเป็นวรรณะร้อน วรรณะเย็น ( cool tone) ประกอบด้วย สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน สีม่วง สีเหล่านี้ดู เย็นตา ให้ความรู้สึก สงบ สดชื่น (สีเหลืองกับสีม่วงอยู่ได้ทั้งสองวรรณะ) การใช้สีแต่ละครั้งควรใช้สีวรรณะเดียวในภาพทั้งหมด เพราะจะทำให้ภาพความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (เอกภาพ) กลมกลืน มีแรงจูงใจให้คล้อยตามได้มาก 2. การใช้สีต่างวรรณะ หลักการทั่วไป ใช้อัตราส่วน 80% ต่อ 20% ของวรรณะสี คือ ถ้าใช้สีวรรณธร้อน 80% สีวรรณะเย็นก็ 20% เป็นต้น ซึ่งการใช้แบบนี้สร้างจุดสนใจของผู้ดู ไม่ควรใช้อัตราส่วนที่เท่ากันเพราะจะทำให้ไม่มีสีใดเด่น ไม่น่าสนใจ 3.
Analogous การเลือกใช้โทนสี 3 สีที่ติดกัน การเลือกโทนสีให้เป็นแบบสี่้หลี่ยม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลือกใช้สีข้างต้นก็เป็นเพียงหนึ่งแนวทางที่จะช่วยให้ผู้ออกแบบได้เกิดความคิดใหม่ หรือต่อยอดความคิดออกไป นอกจากนั้นการใช้โทนสีต่างๆ เหล่านี้ยังสามารถนำไปปรับใช้กับงานอื่นๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการทำ Presentation หรือการออกแบบ Infographic ต่างๆ เป็นต้น ที่มา: buffohero
วงล้อสี วงล้อสีคือทฤษฎีในการเลือกใช้สีที่มีมาอย่างยาวนาน อย่าลืมว่าการผสมผสานสีแต่ละสีเข้าด้วยกันจะสื่อสารอารมณ์ของสีออกมาไม่เหมือนกัน การเลือกใช้สีคู่ตรงข้ามจะทำให้งานมีความเปรียบต่าง (Contrast) ที่สูงทำให้งานดูโดดเด่น การเลือกใช้สีที่มีค่าสีไกลเคียงกันก็ทำให้งานออกมาดูอ่อนนุ่มและเป็นไปในทางเดียวกันมากกว่า คุณสามารถศึกษาเรื่องรูปแบบของวงล้อสีเพิ่มเติมได้ที่ ทำความเข้าใจ COLOUR SCHEMES ตัวช่วยให้เรื่องสีเป็นเรื่องง่าย 3. เลือกใช้จากงานที่ชอบ Moodboard by Carolyn Farino การเลือกจากงานที่ชอบเป็นอีกหนึ่งวิธีสำหรับผู้เริ่มต้นในการคุมสีไม่ให้หลุดจากแนวทางที่เราต้องการ วิธีใช้คือการมองหางานออกแบบที่คุณชอบโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นงานในรูปแบบเดียวกับที่คุณทำ เมื่อคุณทำเว็บไซต์คุณสามารถหางานออกแบบสิ่งพิมพ์มาปรับใช้แทนได้ สิ่งสำคัญสำหรับข้อนี้คือการนำงานที่คุณชอบมาปรับเป็น Moodboard เพื่อใช้รวบรวมความคิดในการออกแบบ 4. เลือกใช้สีเพียง 3 ถึง 4 สี ทำไมเราถึงแนะนำให้เลือกสีเพียง 3 ถึง 4 สี เพราะคุณจะคุมโทนสีของงานออกแบบได้อย่างไม่ยากเย็นนัก การใช้สีที่เยอะไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การใช้สีที่มากหมายถึงความยากที่มากขึ้นในการทำงาน การใช้สีที่น้อยทำให้เราควบคุมค่าสีที่เราต้องการ ควบคุมโทนสีของงานออกมาได้อย่างไม่ยาก หรือถ้ารับงานที่ลูกค้ามี CI ชัดเจนก็จึงเลือกใช้สีที่มี หรือหาเพียงสีที่นำมาใช้เป็นพื้นหลังหรือสีคู่ตรงข้ามสำหรับใช้งานเป็นปุ่ม Call to action เท่านั้นพอ 5.